การลดน้ำหนักด้วการอดอาหารเช้าอาจส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพได้
น้ำหนักลดลง
มีความเชื่อผิดๆ ที่บอกว่า การอดอาหารเช้าจะทำให้อ้วน เพราะจะไปกินเยอะขึ้นในมื้อเย็นแทน แต่จริงๆ แล้ว เมื่อเรางดมื้อเช้า จะเป็นเหมือนการยืดเวลาในการทำ IF ให้ยาวมากขึ้น อย่างน้อย 12-16 ชั่วโมง ในช่วงนี้ร่างกายจะดึงพลังงานจากไขมันมาเผาผลาญ ระบบเผาผลาญจะทำงานเป็นระบบไฮบริด เผาผลาญน้ำตาลเสร็จ ก็จะเผาผลาญพลังงานจากไขมันต่อ ทำให้ผอมลงได้นั่นเอง ระดับอินซูลินจะต่ำลง ไม่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงมากจนเกินไป ไม่ค่อยหิว ทำให้น้ำหนักลดลงได้
ไม่หิวบ่อย
การบริโภคน้ำตาลบ่อยๆ จะทำให้รู้สึกเหมือนติดยาเสพติด มีความอยากกินของหวานๆ อยู่เรื่อยๆ เมื่องดมื้อเช้าที่เต็มไปด้วยแป้งและน้ำตาลราว 2 สัปดาห์ เราจะเริ่ม “ไม่อยากน้ำตาล” เพราะฮอร์โมนเกรลิน (ฮอร์โมนความหิว) จะหลั่งลดลงมากๆ
สมองตื่นตัว ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาจมีคนเชื่อว่า การงดอาหารเช้าทำให้ไม่มีแรงทำงาน สมองไม่สดชื่น หรือไม่มีแรงคิด ซึ่งจริงๆ แล้วการงดอาหารเช้า ทำให้สมองจะเฉียบคม ตื่นตัว เพราะร่างกายจะเผาผลาญไขมันที่ตับ จนเกิดเป็น “สารคีโตน” ซึ่งเป็นพลังงานบริสุทธิ์ไปเลี้ยงสมองตลอดเวลา โดยพลังงานนี้จะไม่มีสิ่งตกค้างใดๆ ในร่างกาย ไม่เหมือนกับการเผาผลาญน้ำตาล ที่เป็นเหมือนกับการเผาผลาญถ่านหิน โดยมีสิ่งตกค้างหลงเหลืออยู่ คือโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ดังนั้นการอดอาหารที่เหมือนกับการทำ IF ในช่วงมื้อเช้า จะทำให้สมองมีพลังงานจากการเผาผลาญไขมันไปเลี้ยงตลอดเวลา ทำให้สมองตื่นตัวอยู่ตลอดนั่นเอง นอกจากนี้ยังช่วยลดภาวะอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย
ลดเสี่ยงโรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง
การงดการรับประทานอาหารเช้าที่มีแต่แป้งและน้ำตาล จะช่วยลดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่รวมถึงลดความเสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน ความดันสูง และไขมันสูงได้ เพราะทำให้ระดับของอินซูลินในร่างกายอยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่ตลอดนั่นเอง
สรุป การกินอาหารเช้ายังสามารถทำได้อยู่หากเป็นการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เน้นครบ 5 หมู่ ไม่ควรเลือกกินอาหารเช้าสำเร็จรูปที่มีแต่แป้งและน้ำตาลในปริมาณสูง นอกจากนี้อย่าลืมหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วย
ติดตามสาระน่ารู้เกี่ยวกับสุลขภาพเพิ่มเติมได้ที่>>> https://saruknaruu.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น