สัญญาณอันตรายโรคร้ายจากรอยย่นที่ติ่งหู
มีรายงานพบว่า รอยย่นที่ติ่งหูแบบ Frank’s sign พบในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Myocardial infarction) มากกว่าคนที่ไม่เป็นโรค อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และมีรายงานเรื่องเหล่านี้
อัตราการรอดชีวิตต่ำ
- มีความเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจสูงกว่า
- เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดภายในและหลังผ่าตัด
- โดยในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีรอยนี้ พบว่าสัมพันธ์กับสิ่งเหล่านี้มากกว่ากลุ่มที้ไม่มีรอย
- อายุเยอะ
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคเบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- โรคหลอดเลือดสมองตีบ
อาจบ่งบอกได้ว่า รอยนี้สัมพันธ์กับภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเป็นเวลานาน (long-standing arteriosclerosis)
พยาธิสรีรวิทยา (Pathophysiology) ของ Frank's sign มีอธิบายไว้หลายอย่างในหลายงานวิจัย แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนถึงความเกี่ยวข้องกับ โรคหลอดเลือดโคโรนารี และโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น
- เลือดไปเลี้ยงติ่งหูน้อย เนื่องจากไม่มีหลอดเลือดแดงปลายใบหูส่วนล่าง
- การเสื่อมสภาพของอีลาสติน จากการทำการตรวจชิ้นเนื้อติ่งหู
- ความหนาของ adventitia reticularis ในหลอดเลือดขนาดเล็กของติ่งหู
- ความผิดปกติของเยื่อบุผนังหลอดเลือด จากการตรวจมีการขยายตัวของหลอดเลือดที่ไหลผ่านส่วนล่าง และการขยายตัวของหลอดเลือดที่เกิดจากไนโตรกลีเซอรีน
- ความหนาตัวของผนังชั้นในและชั้นกลางของเส้นเลือดแดงแคโรทิด
- ค่าแคลเซียมสูงจากการเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI
- ซึ่งจากการตรวจพบลักษณะข้างต้นนี้ จึงเป็นไปได้ว่า อาจสัมพันธ์กับเรื่องอายุ และกระบวนการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง
หากมีรอยย่นที่ติ่งหู ควรทำอย่างไร?
คนที่ยังไม่เป็นโรคต่างๆ แต่มีรอยนี้ ควรให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับการมองหาความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดแข็งตัว และแนะนำให้ปรับพฤติกรรมในการดูแลตัวเอง การรับประทานอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่สูบบุหรี่ หากมีโรคเบาหวานความดันโลหิตสูงหรือไขมันสูงอยู่ด้วยแล้ว ก็ควรต้องรักษาตัวให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองในอนาคต
ติดตามสาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มเคิมได้ที่>>> https://saruknaruu.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น