วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ผู้สูงอายุก็อยู่กลุ่มเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน

ผู้สูงอายุก็อยู่กลุ่มเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน

โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุเป็นภาวะที่พบได้บ่อย แต่ในบางกลุ่มอาจมีความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อ

  • อยู่ห่างไกลจากครอบครัว
  • มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคพาร์กินสัน
  • มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น เกษียณจากงาน สูญเสียคนในครอบครัว 
  • มีอายุมากกว่า 85 ปีขึ้นไป

อาการโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ

ผู้ใกล้ชิดควรหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ เนื่องจากบางรายอาจไม่ค่อยชอบพูดคุยกับคนรอบข้างมากนักว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร หากผู้สูงอายุมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นตามนี้ นี่อาจเป็นสัญญาณของโรคซึมเศร้าได้

  1. มีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น หงุดหงิดง่าย น้อยใจง่าย มีความวิตกกังวลสูงขึ้นมาก 
  2. มีอาการทางร่างกายมากกว่าเดิม เช่น อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง นอนไม่หลับ
  3. มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น นิ่งเฉย ไม่ค่อยพูด

หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอาการ แต่อาการดังกล่าวส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

การรักษาโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ

  • การทานยาต้านเศร้า หากผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวอยู่ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้ง เนื่องจากการทานยารักษาโรคประจำตัวอื่นๆ อาจทำปฏิกิริยากับยาต้านเศร้าได้ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้ในกลุ่มผู้สูงอายุจะค่อนข้างใช้เวลาในการออกฤทธิ์มากกว่าผู้ป่วยในวัยอื่นๆ โดยอาจใช้เวลามากกว่า  1 เดือน
  • ปรับเปลี่ยนความคิด พฤติกรรม และเพิ่มกิจกรรมผ่อนคลายต่าง ๆ โดยจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น
  • รักษาโรคประจำตัวของผู้สูงอายุให้ดีขึ้น สำหรับรายที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่ยังควบคุมได้ไม่ค่อยดี อาจต้องพิจารณาให้ยาหรือการรักษาที่ช่วยให้อาการของโรคสงบได้ดีขึ้น จะช่วยให้การรักษาโรคซึมเศร้าได้ผลดีขึ้นด้วย
  • โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุต้องอาศัยความใส่ใจของคนในครอบครัว หมั่นสังเกตและตระหนักถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ถือเป็นด่านแรกของการนำไปสู่การวินิจฉัยและการรักษาอย่างรวดเร็วต่อไป
ติดตามสาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มเคิมได้ที่>>> https://saruknaruu.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น